• Novo Nordisk คลังสินค้าโรงงานเภสัชกรรม (ในประเทศจีน) เสริมกำลังโลจิสติกส์ด้วยหุ่นยนต์ AMR MiR500

    หุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ (AMR) รุ่น MiR500 จำนวน 5 ตัว ได้พัฒนาระบบโลจิสติกในคลังสินค้าโรงงานของบริษัท Novo Nordisk ที่ประเทศจีน ซึ่งเดิมทีที่โรงงานใช้รถยกที่ขับด้วยคน เพื่อขนแท่นพร้อมสินค้าไปที่ชั้นวางของสูง ๆ ที่ต่างเรียงรายอยู่ในคลัง ต่อมาจะมีรถยกของเฉพาะยกแท่นวัสดุไปวางบนชั้นวาง และโซลูชันอัตโนมัติจาก MiR ก็ได้ช่วยโรงงานประหยัดเวลาไปได้อย่างน้อย 35 ชั่วโมงต่อหนึ่งสัปดาห์ ทำให้พนักงานได้ใช้ทักษะกับงานที่มีคุณค่ามากกว่านี้

    Novo Nordisk เป็นผู้ผลิตยาระดับโลก ซึ่งเชี่ยวชาญในโรคเบาหวานและโรคเรื้อรังร้ายแรงอื่น ๆ อย่างโรคอ้วน เลือดชนิดหายาก และ ความผิดปกติของต่อมไร้ท่อ โดยมีสำนักงานใหญ่อยู่ที่ประเทศเดนมาร์ก ในปี 2537 บริษัทได้ก้าวเข้าสู่ตลาดจีนและเปิดทำการโรงงานผลิตอินซูลินขนาด 40,000 ตารางเมตรที่เทียนจินในอีก2ปีต่อมา( ปี 2539 ) ในปี 2549 ได้ขยายตัวเพื่อรองรับความต้องการที่เติบโตขึ้นทั้งจากตลาดภายในและต่างประเทศ

    ในด้านการส่งเสริมความสามารถในการแข่งขัน Novo Nordisk ได้ปฏิบัติตามแนวทางแบบองค์รวมและต่อเนื่องเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพในการผลิตในโรงงานที่เทียนจิน คุณ Zhao Xin หัวหน้าแผนกคลังสินค้าประจำโรงงานกล่าวว่า

    “โรงงานของเราเป็นโรงงานผลิตที่ทันสมัยและมีระบบอัตโนมัติระดับสูงอยู่แล้ว อย่างไรก็ตามเรารู้สึกว่าระบบโลจิสติกส์ภายในองค์กรยังต้องพัฒนาอีก และการเพิ่มประสิทธิภาพระบบอัตโนมัติก็อาจจะช่วยได้ “

    ในอดีตการขนส่งวัสดุบรรจุภัณฑ์เป็นงานที่หนักและน่าเบื่อ พนักงานจำเป็นต้องใช้รถยกเพื่อขนย้ายสินค้าจากรถบรรทุกไปที่คลังสินค้า ดังนั้นในวันทำงานปกติ การขนย้ายจึงต้องใช้เวลามากกว่า 5 ชั่วโมง และมากกว่า 8 ชั่วโมงในช่วงการผลิตที่แสนยุ่ง !

    คุณ Zhao Xin ยังแสดงความเห็นเพิ่มอีกว่า “ที่เทียนจิน การขนส่งภายในโรงงานนั้นเป็นงานที่น่าเบื่อหน่ายที่สุด เส้นทางการขนส่งระหว่างโรงรถบรรทุกกับคลังสินค้านั้นมีระยะทางกว่า 100 เมตรที่เลี้ยวไปมาสามถึงสี่โค้ง ทั้งยังต้องผ่านพื้นที่แออัดในโรงงานอีก จึงเป็นเหตุผลที่เราตัดสินใจใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ เพื่อให้เกิดการเปลี่ยนแปลง”

    หุ่นยนต์เคลื่อนที่ที่ปลอดภัยและคล่องตัวยกระดับระบบโลจิสติกส์ภายในและเพิ่มประสิทธิภาพการจัดสรรทรัพยากรมนุษย์

    หลังจากพิจารณาหลาย ๆ ทางเลือกแล้ว Novo Nordisk จึงตกลงเลือกใช้หุ่นยนต์เคลื่อนที่อัตโนมัติ (AMR) รุ่น MiR500 จำนวน 5 ตัวที่มีกำลังบรรทุกได้ถึง 500 กิโลกรัมและมีความเร็วสูงสุด 2 เมตรต่อวินาที

    หุ่นยนต์ MiR500 นี้มีความปลอดภัย คล่องตัวและปรับใช้งานได้ง่ายโดยไม่ต้องปรับแก้ผังคุณสมบัติพิเศษภายตัว ผลลัพธ์ที่ได้คือหุ่นยนต์ 5 ตัวนี้สามารถขนส่งวัสดุบรรจุภัณฑ์แทนรถยกได้อย่างราบรื่น เมื่อได้รับวัสดุบรรจุภัณฑ์เรียบร้อยแล้ว หุ่นยนต์ทั้ง 5 ตัวจะเรียงแถวเคลื่อนตัวเพื่อขนย้ายวัสดุจากโรงรถมาไว้ที่ชั้นวาง และด้วยเทคโนโลยีสแกนเลเซอร์ขั้นสูง กล้อง 3 มิติ เซ็นเซอร์บิลต์อินและซอฟต์แวร์ที่เฉลียวฉลาดที่ช่วยทำให้หุ่นยนต์สามารถวิเคราะห์สภาพแวดล้อมระหว่างสองข้างทางเป็นแนวยาว ทำให้สามารถหลีกเลี่ยงสิ่งกีดขวางและค้นหาเส้นทางที่ดีที่สุดเพื่อไปสู่จุดหมายได้อย่างปลอดภัยโดยอัตโนมัติ

    เมื่อหุ่นยนต์ MiR500 ไปถึงที่บริเวณจัดเก็บก็จะรออย่างเป็นระเบียบเพื่อจะขนแท่นวางวัสดุบรรจุภัณฑ์ขึ้นไปที่จุดชั้นวางที่กำหนดไว้ และเมื่อหุ่นยนต์ขนแท่นวางวัสดุออกไปหมดแล้วก็จะมีรถบรรทุกที่ยกของขึ้นไปเฉพาะบนแท่นพาเลตที่มีวัสดุวางอยู่และจัดเก็บไว้ที่ชั้นเก็บของในคลัง คุณ Gao Yue ผู้จัดการคลังสินค้าในโรงงาน Novo Nordisk กล่าวว่า

    “ตามปกติภายในคลังสินค้า หุ่นยนต์ MiR500 พนักงานและรถยกก็จะทำงานร่วมกันในระยะใกล้ชิด เวลามีคนหรือสิ่งกีดขวางอยู่ในทาง หุ่นยนต์เคลื่อนที่พวกนี้ก็จะชะลอตัวหรือหยุดทันที จากนั้นก็จะหาทางอื่นที่จะไปสู่จุดหมายด้วยการใช้ระบบนำทางอัตโนมัติ”

    “หุ่นยนต์ MiR500 ช่วยประหยัดเวลาทำงานของพนักงานในการขนส่งวัสดุไปได้อย่างน้อย 35 ชั่วโมงในหนึ่งสัปดาห์ ตอนนี้พนักงานสามารถมุ่งความสนใจไปที่งานสำคัญๆ และงานที่มีคุณค่าสูงในคลังสินค้า หุ่นยนต์ทั้งห้าตัวตอบสนองความต้องการด้านการขนส่งในคลังสินค้าและได้รับการตอบรับที่ดีจากพนักงาน”

    การสำรวจศักยภาพการใช้งานเพิ่มเติมของหุ่นยนต์ MiR500

    จากความสำเร็จในการใช้งานครั้งแรก ทางโรงงานจึงกำลังทดสอบตัวเลือกการใช้งานเพิ่มเติมของหุ่นยนต์ MiR500 “ผมมั่นใจว่าความร่วมมือกับ MiR ในอนาคตจะต้องดีวันดีคืน” คุณ Zhao กล่าว

    ด้วยปริมาณของสินค้าที่ได้รับและจัดส่งเพิ่มขึ้นในแต่ละวัน โรงงานยังสำรวจความเป็นไปได้เพิ่มเติมสำหรับหุ่นยนต์ MiR500 ภายในคลังสินค้า และยังคงเพิ่มประสิทธิภาพลอจิกการทำงานของหุ่นยนต์เคลื่อนที่ MiR500 ทั้ง 5 ตัวอยู่เรื่อย ๆ เพื่อการใช้ประโยชน์จากหุ่นยนต์ให้ได้ดียิ่งขึ้น เนื่องจากบริษัทกำลังขยายตัวและพยายามเพิ่มขีดความสามารถในระบบการทำงานอัตโนมัติให้ครอบคลุมยิ่งขึ้น