Relay คืออะไร ?
เคยสงสัยไหมว่า รีเลย์ (Relay) แบบที่ใช้งานกันอยู่ทั่วไป มีหลักการทำงานและโครงสร้างอย่างไรบ้าง…
หลักการทำงานของ รีเลย์ (Relay)
เมื่อจ่ายไฟให้ขดลวดเหนี่ยวนำ จะเกิดการเหนี่ยวนำทางไฟฟ้าเกิดเป็นแรงสนามแม่เหล็ก ดึงดูดให้หน้าสัมผัสเคลื่อนจากตำแหน่ง a (Turn off) ไปยังตำแหน่ง b (Turn on) ทำให้วงจรไฟฟ้าด้านเอาท์พุทครบวงจร โหลด(Load)จึงจะเริ่มทำงานได้
โครงสร้างของ รีเลย์ (Relay)
ขดลวดเหนี่ยวนำ (Coil)
1.) ขดลวดเหนี่ยวนำ(Coil) ของรีเลย์ (Relay) แบบธรรมดาสามารถแยกออกได้ 2 แบบ คือ
- ขดลวดเหนี่ยวนำชนิดที่มีขั้ว (W/Pole) ขดลวดชนิดนี้จะทำงาน เมื่อป้อนแรงดันไฟฟ้าให้ขดลวดเหนี่ยวนำให้ถูกขั้ว
- ขดลวดเหนี่ยวนำชนิดที่ไม่มีขั้ว (W/O Pole) ขดลวดชนิดนี้จะทำงาน เมื่อป้อนแรงดันไฟฟ้าให้ขดลวดเหนี่ยวนำขั้วใดก็ได้ในกรณีที่ใช้กับไฟกระแสสลับ(AC)
2.) ขดลวดเหนี่ยวนำ(Coil) ของแลทชิ่งรีเลย์ (Latching relay) จะเป็นขดลวดที่ต้องมีขา Set และขา Reset สามารถแบ่งได้ 3 ชนิด คือ
- ชนิด 4 ขั้ว (W/4 Terminals) : มีขดลวดเหนี่ยวนำ 2 ขาโดยแยกเป็นขดลวดขา Set และขดลวดขา Reset
- ชนิด 3 ขั้ว (W/3 Terminals) : มีขดลวดเหนี่ยวนำ 2 ขาประกอบด้วยขดลวดขา Set และขา Reset แต่ชนิดนี้จะมีขดลวดขั้วลบของกระแสไฟฟ้าที่ใช้ร่วมกัน
- ขดลวดเหนี่ยวนำ(Coil) ชนิด Single-Winding Latching : ขดลวดขา Set และขา Reset มีขดลวดเหนี่ยวนำตัวเดียวกัน จะอาศัยการสลับขั้วกระแสไฟฟ้าที่จ่ายไปที่ขดลวดเหนี่ยวนำเป็นตัวแยกการทำงานระหว่าง Set กับ Reset
หน้าสัมผัส (Contact)
ชนิดหน้าสัมผัส (Contact) ของรีเลย์ (Relay) สามารถแบ่งออกได้ 3 แบบด้วยกัน คือ…
- หน้าสัมผัสเดี่ยว (Gold-Plated Single Contact) เหมาะสำหรับงานที่ต้องใช้กระแสไฟฟ้าสูงๆ
- หน้าสัมผัสคู่ (Gold-Plated Bifurcated Contact) เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความเที่ยงตรงในการทำงาน แต่ทนกระแสได้ต่ำกว่าแบบหน้าสัมผัสเดี่ยว
- หน้าสัมผัสแกนขวางและหน้าสัมผัสคู่ (Gold-Clad Bifurcated Crossbar Contact) เหมาะสำหรับงานที่ต้องการความเที่ยงตรงสูงในการทำงาน แต่ทนกระแสได้ต่ำกว่าหน้าสัมผัสคู่
Related